ตรวจก่อน แต่งงาน

ปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีโปรแกรม ตรวจสุขภาพก่อนแต่งไว้บริการว่าที่เจ้าสาว เจ้าบ่าวในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก การตรวจขั้นพื้นฐานทั่วไปได้แก่ ตรวจร่างกาย วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก และวัดความดัน

ตรวจเลือด
หาหมู่เลือด ดูชนิดของ Rh Factor คนไทยมักมีเลือด Rh+ ในขณะที่เลือดของชาวตะวันตกโดยมากเป็น Rh- แต่คนไทยบางราย อาจมีเลือดเป็นลบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งเมื่อตั้งครรภ์ หากตรวจพบก่อนแพทย์จะมีวิธีฉีดยา ป้องกันอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และทารกได้

ดูลักษณะและจำนวนเม็ดเลือดขาวว่าผิดปกติหรือไม่
ดูน้ำตาลในเลือด หาภาวะโลหิตจาง และหาความผิดปกติของฮีโมโกบิล ที่เป็นสายพันธ์ของเม็ดเลือดแดงว่ามีโรคหรือเป็น พาหะของโรคธาลัสซีเมียหรือไม่

หาเชื้อซิฟิลิสและโรคติดต่ออื่น ๆ หาเชื้อเอชไอวีโรคเอดส์ หาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสตับอักเสบ หาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันในผู้หญิง ปัญหาที่อาจพบได้จากการตรวจเลือด คือ ชนิด Rh Factor ของทั้งสองฝ่ายไม่เข้ากัน มีภาวะหรือเป็นพาหะของธาลีสซีเมีย มีเชื้อ กามโรค เชื้อเอชไอว เชื้อไวรัสตับอับเสบบี และขาดภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน ซี่งภาวะต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลถึงการครองคู่และการมีบุตร ในอนาคต

ชนิดของ Rh Factor จะบอกได้ว่าเลือดของคู่บ่าวสาวเข้ากันหรือไม่ คนไทยมักจะมีเลือด Rh+ ในขณะที่เลือดของชาว ตะวันตกโดยมากเป็น Rh+ แต่คนไทยบางรายอาจมีเลือดเป็นลบ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งเมื่อตั้งครรภ์หากตรวจพบก่อน แพทยจะมีวิธีฉีดยาป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับแม่และเด็กได้

สำหรับโรคธาลัสซีเมีย คือโรคชนิดหนึ่งที่สืบทอดทางพันธุกรรมผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีภาวะโลหิตจาง และหัวใจวายได้ง่ายหรือ บางคนไม่แสดงอาการ แต่เป็นพาหะก็มีมาก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพาหะ อาจไม่ส่งผลถึงบุตร แต่ถ้าบิดามารดาเป็นพาหะทั้งคู่ บุตรจะเสี่ยงต่อโรคนี้ค่อนข้างมาก จึงควรเจาะน้ำคร่ำตรวจเมื่ออายุครรภ์ครบ 4 เดือน เพื่อหาทางแก้ไข

หากตรวจพบเชื้อกามโรคบางชนิด ก็ควรรักษาให้หายขาดเสียก่อนแต่งงาน แต่สำหรับเชื้อเอชไอวี ทำได้เพียงป้องกันตัวไว้ก่อน และหวังว่าผลเลือดจะไม่เป็นบวก ส่วนเชื้อไวรัสตับอักเสบบีนั้นอยู่ในเลือดและน้ำคัดหลั่ง ติดต่อกันได้ทางเพศสัมพันธ์ การจูบ เมื่อปาก มีแผล การใช้เข็ม ของมีคมหรือแปรงสีฟันร่วมกัน สัมผัสใกล้ชิดกับผู้มีเชื้อ รวมถึงทารกอาจรับเชื้อ จากมารดาขณะคลอด โรคตับอักเสบ ทำให้ ผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงสูงต่อโรคร้ายแรงอื่น ๆ ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจึงควรรับวัคซีนโดยเริ่มฉีดเข็มแรกแล้วรอหนึ่งเดือนจึงฉีดเข็มที่ 2 แล้ว รออีก 6 เดือนจึงฉีดเข็มที่สาม แล้วแพทย์อาจพิจารณากระตุ้นภูมิคุ้มกันอีก

อีกโรคหนึ่งที่พึงระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงก็คือหัดเยอรมัน เพราะถ้าเป็นโรคนี้ขณะตั้งครรภ์ ทารกอาจผิดปกติ ใด้ ผู้หญิงจึงควรฉีดวัคซีนไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และหลังจากรับวัคซีนแล้วต้องรออย่างน้อย 3 เดือนจึงจะตั้งครรภ์ได้

นอกเหนือจากการตรวจขั้นพื้นฐาน อาจถือโอกาสตรวจสุขภาพ อย่างละเอียดด้วยก็ได้ และน่าจะนัดพบสูติแพทย์ เพื่อปรึกษา เรื่องการวางแผนครอบครัวด้วย

การวางแผนครอบครัวนี้ มิใช่จะหมายความถึงการคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมถึงการเตรียมตัวเพื่อมีบุตรด้วย หญิงสาวส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงสูติแพทย์เพราะเกรงว่าจะต้องตรวจภายใน ทั้งที่ความจริงสามารถคุยกับแพทย์ได้ว่ายังไม่อยาก ตรวจขอเพียงปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวเท่านั้นว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรไปตรวจสุขภาพแต่เนิ่น ๆ หากต้องฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ป้องกันหัดเยอรมันหรือใช้ยาคุมกำเนิด ก็จัดการให้เรียบร้อย พอถึงวันแต่งงาน จะได้มี ความสุข สมหวัง สบายใจ ไร้กังวล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องของการ์ดและของชำร่วย ที่คุณต้องทราบ

เลือกแหวนอย่างไร ให้เข้ากับนิ้วมือ

เตรียมการก่อนงานวิวาห์ (งานเลี้ยง)